ผู้ชายจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหาสมรรถภาพทางเพศ (sexual dysfunction) และมักไม่ทราบว่า ความเครียด และ ความวิตกกังวล มีบทบาทสำคัญเพียงใดในปัญหาเหล่านี้ นอกจากนี้ผลการศึกษาล่าสุดพบว่าสภาวะเครียดในชีวิตประจำวัน การทำงานที่หนักหน่วง หรือความวิตกกังวลเรื้อรังส่งผลต่อคุณภาพอสุจิ ลดฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) และกระตุ้นให้เกิดปัญหาอย่างภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction: ED) และการหลั่งเร็ว (premature ejaculation)
ความเครียดกระตุ้น แกนไฮโปทาลามัส–ต่อมใต้สมอง–ต่อมหมวกไต (HPA axis) ให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล เมื่อร่างกายเผชิญความเครียดเรื้อรัง ระดับคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง และเกิดการอักเสบในระบบหลอดเลือด สารเคมีความเครียดเหล่านี้รบกวนการผลิตฮอร์โมนเพศชายในอัณฑะและการควบคุมอารมณ์ทางเพศของสมอง จึงทำให้ แรงขับทางเพศลดลง และการแข็งตัวขององคชาตไม่สมบูรณ์ งานศึกษาในปี 2023 แสดงให้เห็นว่าเมื่อตื่นตัวทางเพศระดับคอร์ติซอลในผู้ชายปกติจะลดลง แต่ในผู้ป่วย ED คอร์ติซอลไม่ลดลงซึ่งอาจยับยั้งการตอบสนองทางเพศ
นอกจากฮอร์โมนแล้ว ความเครียดทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติเกิดการหดตัวของหลอดเลือดในอวัยวะสืบพันธุ์ จึงลดการไหลเวียนเลือดเข้าไปในองคชาตและกระตุ้นการหลั่งเร็ว การศึกษาในสัตว์ทดลองยังพบว่าคอร์ติซอลสูงทำให้เซลล์เลย์ดิก (Leydig cells) และเซลล์เซอร์โทลี (Sertoli cells) ในอัณฑะเกิดการตาย (apoptosis) ส่งผลให้สเปิร์มลดลงและคุณภาพอสุจิต่ำ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile dysfunction; ED) – ภาวะที่ไม่สามารถแข็งตัวได้เพียงพอเพื่อมีเพศสัมพันธ์หรือไม่สามารถคงการแข็งตัวได้ยาวนาน
การหลั่งเร็ว (Premature ejaculation; PE) – เกิดการหลั่งน้ำอสุจิเร็วกว่าที่ต้องการ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับความวิตกกังวลทางเพศ
ความต้องการทางเพศต่ำ (Low libido) – สาเหตุอาจเกิดจากระดับฮอร์โมนเพศชายต่ำ ความเครียดเรื้อรัง หรือผลข้างเคียงจากยา
ภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชาย – เกิดจากสเปิร์มน้อย เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือรูปร่างผิดปกติ ซึ่งปัจจัยทางจิตใจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ยาในกลุ่ม Phosphodiesterase type 5 (PDE5) inhibitors เช่น ซิลเดนาฟิล (sildenafil), ทาดาลาฟิล (tadalafil) และ วาเดนาฟิล (vardenafil) เป็นการรักษาปัญหา ED ที่ใช้กันมากที่สุด กลไกการทำงานคือเมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศ ร่างกายจะหลั่งไนตริกออกไซด์ (NO) กระตุ้นการสร้าง cyclic GMP (cGMP) ในเนื้อเยื่อ corpus cavernosum ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายและเลือดไหลเวียนเข้าสู่องคชาต ยา PDE5 inhibitors จะยับยั้งการสลาย cGMP ทำให้ปริมาณ cGMP คงอยู่และการแข็งตัวดีขึ้น
ยากลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitors (SSRIs) เช่น เซอร์ทราลีน (sertraline), พาโรซิทีน (paroxetine) และ ฟลูออกซิทีน (fluoxetine) ใช้รักษา การหลั่งเร็ว โดยช่วยชะลอการหลั่ง แต่ SSRIs ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อ ปัญหาทางเพศ เช่น ลดความต้องการทางเพศ ความยากในการแข็งตัว หรือถึงจุดสุดยอด ผลการศึกษาระบุว่าคนไข้ที่ใช้ SSRIs จำนวน 25–73 % มีอาการผิดปกติทางเพศ และบางรายเลิกใช้ยาเพราะผลข้างเคียง ดังนั้นต้องชั่งน้ำหนักผลประโยชน์และผลข้างเคียง และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ยาคลายเครียดในกลุ่ม benzodiazepines ถูกใช้บ่อยในการรักษาความวิตกกังวล แต่มีหลักฐานว่าการใช้ยากลุ่มนี้ในระยะยาวอาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลง การแข็งตัวบกพร่อง และการถึงจุดสุดยอดยากขึ้น กลไกการออกฤทธิ์ของ benzodiazepines คือเพิ่มการทำงานของตัวรับ GABA ในสมอง ซึ่งแม้จะช่วยผ่อนคลายแต่ก็ลดการกระตุ้นระบบ dopamine และ norepinephrine ที่เกี่ยวข้องกับความตื่นตัวทางเพศและอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลง การใช้เบนโซไดอะซีปีนจึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์และใช้เฉพาะช่วงเวลาสั้น ๆ
ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำอาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลงและคุณภาพอสุจิลดลง การรักษาด้วย ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน อาจช่วยในผู้ที่มี hypogonadism แต่ การให้เทสโทสเตอโรนเสริม มีผลกดการสร้างสเปิร์ม ทำให้เกิดภาวะไม่มีสเปิร์มในน้ำอสุจิ (azoospermia) ภายใน ~10 สัปดาห์ และแม้จะหยุดยา บางคนอาจไม่ฟื้นตัว ดังนั้นผู้ที่ต้องการมีบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้เทสโทสเตอโรนเสริม และปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับทางเลือกอื่น เช่น clomiphene citrate หรือ human chorionic gonadotropin (hCG) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนภายในร่างกาย
การบำบัดแบบ Cognitive‑Behavioral Therapy (CBT) เป็นวิธีที่มีหลักฐานสนับสนุนว่าสามารถลดความวิตกกังวลด้านการแสดงทางเพศและช่วยผู้ชายที่มี ED จากปัจจัยทางจิตใจได้ โดยมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยตระหนักถึงความคิดเชิงลบและความเชื่อที่ทำให้เกิดความกดดัน เช่น “ต้องทำได้ดีเสมอ” แล้วปรับเปลี่ยนไปเป็นความคิดที่เหมาะสม ผู้เข้ารับการบำบัดจะเรียนรู้เทคนิคจัดการความวิตกกังวล พัฒนาความมั่นใจในตนเอง และฝึกการสื่อสารกับคู่ครองอย่างสร้างสรรค์
นอกจากนี้การบำบัดทางจิตวิทยายังช่วยให้คู่รักเข้าใจสาเหตุและผลกระทบของความเครียดต่อการมีเพศสัมพันธ์ องค์กรให้คำปรึกษารายงานว่าการรักษาร่วมกับคู่ครองช่วยลดความตื่นตระหนก และส่งเสริมการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
เทคนิค mindfulness และ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นวิธีที่ช่วยลดความตื่นเต้นและความวิตกกังวล ลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด และส่งเสริมการตอบสนองทางเพศที่ดีขึ้น โดยมีตัวอย่างเช่น
การทำสมาธิและการหายใจลึก เพื่อฝึกสมาธิ ปรับสมดุลจิตใจ และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel exercise) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดที่องคชาตและควบคุมการหลั่ง
การฝึกกล้ามเนื้อแบบยืดเหยียดและโยคะ ช่วยลดความเครียด และเมื่อทำเป็นประจำจะส่งผลดีต่อระดับฮอร์โมนเพศ
ความวิตกกังวลด้านการแสดงทางเพศมักเกิดจากความกลัวที่จะทำให้คู่ครองผิดหวัง หรือประสบการณ์ทางเพศในอดีตที่ไม่ดี การให้คำปรึกษาแบบคู่รักช่วยลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ เพิ่มความเข้าใจต่อกัน และลดความกดดันจากการมีเพศสัมพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ชายที่มีภาวะ ED หรือการหลั่งเร็วมักได้รับประโยชน์จากการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกและความคาดหวังกับคู่ครอง เพื่อทำให้ปัญหาทางเพศกลายเป็นความท้าทายที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันแก้ไข
ความเครียดและความวิตกกังวลเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศและภาวะมีบุตรยากของผู้ชาย ทั้งทางกลไกฮอร์โมน ระบบประสาท และพฤติกรรม สภาวะเหล่านี้ทำให้ระดับคอร์ติซอลสูง ลดฮอร์โมนเพศชาย ขัดขวางการไหลเวียนเลือด และส่งผลต่อคุณภาพอสุจิ
การรักษาที่ได้ผลต้องอาศัย การประเมินสาเหตุอย่างครบถ้วน และ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกับการใช้ยาอย่างเหมาะสม ยากลุ่ม PDE5 inhibitors เป็นทางเลือกหลักสำหรับ ED แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาหัวใจ ในขณะที่ SSRIs และ benzodiazepines แม้ช่วยลดความวิตกกังวลหรือการหลั่งเร็ว แต่มีผลข้างเคียงทางเพศที่ต้องพิจารณา
การบำบัดทางจิตใจ เช่น CBT และการฝึก mindfulness ช่วยแก้ไขความคิดเชิงลบและเพิ่มความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการบำบัดคู่รักช่วยให้เกิดการสื่อสารที่ดีและลดแรงกดดัน ส่วนการปรับวิถีชีวิต เช่น การออกกำลังกาย รับประทานอาหารสมดุล เลี่ยงสารเสพติด พักผ่อนเพียงพอ และฝึกสมาธิ สามารถลดความเครียดและช่วยปรับปรุงคุณภาพอสุจิได้
ผู้ที่มีปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศหรือภาวะมีบุตรยากควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุและเลือกรูปแบบการรักษาที่เหมาะสม อย่าซื้อยาหรืออาหารเสริมโดยไม่ได้รับคำแนะนำ เพราะอาจมีผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ การผสมผสานระหว่างการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตจะช่วยให้ผู้ชายจำนวนมากสามารถก้าวข้ามปัญหาเหล่านี้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในระยะยาว
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10251093/
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6260894/#:~:text=Pre,results%20in%20a%20variety%20of
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC5182223/#:~:text=%2820%20%2C%2040%29,23