KNOWLEDGEP-Shot (Platelet Rich Plasma) แนวทางใหม่ในการร่วมรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED)

การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) เป็นภาวะที่พบบ่อยในผู้ชาย ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์กับคู่ของตน แม้ว่าจะมีการรักษาที่หลากหลายแต่หลาย ๆ คนก็อาจยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นจึงมีการคิดค้นวิธีการรักษาใหม่ ๆ อยู่เสมอ

P-Shot (PRP) เป็นแนวทางใหม่ในการร่วมดูแลรักษาภาวะ ED ซึ่งจากการศึกษาวิจัยให้ผลในการรักษาที่ดี  โดยการบำบัดนี้ใช้เกล็ดเลือดของตัวผู้ป่วยเองเพื่อใช้ในการรักษาดังนั้นจึงมีความปลอดภัย ไม่มีโอกาสแพ้แน่นอน

หลักการในการรักษามาจากความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของเกล็ดเลือดซึ่งโดยปกติจะเป็นส่วนสำคัญในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ เมื่อนำเกล็ดเลือดเข้มข้นเข้าสู่บริเวณที่ได้รับความเสียหายก็จะเกิดการกระตุ้นการซ่อมแซมฟื้นฟูนั่นเอง ด้วยหลักการนี้จึงนำมาสู่การใช้ PRP เพื่อร่วมรักษา ED

กระบวนการฉีด PRP เริ่มต้นจากการเก็บเลือดของผู้ป่วยมาปั่นเพื่อแยกส่วนที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นออกมาจากนั่นจึงนำเข้าสู่น้องชายของผู้ป่วย หลังทำสามารถกลับบ้านได้ทันที เกล็ดเลือดเข้มข้นนี้จะช่วยในการสร้างหลอดเลือดที่เสียหายและเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่การแข็งตัวที่ดีขึ้นนั่นเอง

นพ.อรรถวุฒิ ลิมป์แสงรัตน์
แพทย์ด้านสุขภาพทางเพศ
และแพทย์เฉพาะทาง Preventive Medicine
Max Wellness Clinic

บทความที่เกี่ยวข้อง

Plaque ต้นตอสำคัญของภาวะนกเขาไม่ขัน

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ED เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้ชาย พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนและวัยสูงอายุ โดยสาเหตุหลักๆ ของ ED เกิดจากความเสื่อมของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชาย ความผิดปกติของฮอร์โมน และโรคประจำตัว การรักษาภาวะ ED หรือนกเขาไม่ขันมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค เช่น การใช้ยา การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ การใช้เวชศาสตร์ฟื้นฟู ไปจนถึงการผ่าตัด ในปัจจุบันเราจะเริ่มได้ยินเรื่องการใช้สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือเซลล์บำบัด (Stem Cell Therapy) มาใช้ในการรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED: Erectile Dysfunction) กันมากขึ้น หลายๆที่มีการทำการตลาดกันอย่างหนัก และมีการอ้างถึงประสิทธิภาพของเซลล์บำบัดว่าคือยาวิเศษที่ไร้ข้อจำกัดในการรักษา สามารถทำให้อวัยวะเพศกลับมาแข็งได้ แต่ในความเป็นจริง สเต็มเซลล์ ก็มีข้อจำกัดเหมือนวิธีการรักษาอื่นๆ ซึ่งมีทั้งผู้ที่รับผลลัพธ์ดีและผู้ที่ไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากนัก ขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกายในแต่ละบุคคล ฉะนั้นการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง