ออรัลเซ็กซ์ (Oral Sex) กับการเดินทางของประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน

          ออรัลเซ็กซ์ (Oral Sex) หรือการร่วมเพศด้วยปากเป็นเรื่องราวที่แฝงไว้ในประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความสัมพันธ์ทั้งกับวัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนในยุคต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นสิ่งที่คนเริ่มเปิดรับมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากว่าเหตุใดออรัลเซ็กซ์ถึงกลายเป็นเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและการยอมรับในสังคมได้เพียงนี้


ยุคโบราณ: เรื่องของพิธีกรรมและการเชื่อมโยงกับเทพเจ้า

ย้อนกลับไปในยุคอียิปต์โบราณออรัลเซ็กซ์ มีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ในตำนานอียิปต์ พระโอรสแห่งเทพโอซิริสคือเทพีไอซิสใช้ปากเพื่อฟื้นฟูชีวิตของเทพโอซิริสที่เสียชีวิต การกระทำนี้ถูกเชื่อมโยงกับความอุดมสมบูรณ์และการเกิดใหม่ ทำให้มีการยอมรับกันในวงกว้างว่าออรัลเซ็กซ์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสำคัญต่อพิธีกรรม

ในวัฒนธรรมกรีกและโรมัน การมีเพศสัมพันธ์ทางปากถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปแม้ในวงชนชั้นสูง หลักฐานที่พบในศิลปะและงานประติมากรรมบ่งชี้ว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าและธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในบางกลุ่มที่ถือว่า ออรัลเซ็กซ์เป็นเรื่องต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูง เนื่องจากถือว่าเป็นการลดคุณค่าตัวเองลง


ยุคกลาง: บาปและความอับอาย

เมื่อศาสนาคริสต์เริ่มมีอิทธิพลในยุโรป การกระทำทางเพศที่ไม่เน้นเพื่อการเจริญพันธุ์เริ่มถูกมองว่าเป็นบาป ออรัลเซ็กซ์ถูกกดขี่โดยสังคมและศาสนา โดยถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์และไม่ควรทำ ศาสนจักรมีอำนาจในการกำหนดพฤติกรรมทางเพศของผู้คน โดยเฉพาะในยุคกลางที่ทุกอย่างต้องสอดคล้องกับหลักศาสนาและต้องอยู่ในกรอบของความบริสุทธิ์

ในบางครั้งคนที่ทำออรัลเซ็กซ์ ถูกลงโทษหรือตราหน้าว่าเป็นคนบาป เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในรูปแบบที่ไม่ใช่การมีเพศสัมพันธ์แบบคู่สามีภรรยาเพื่อการเจริญพันธุ์ถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด การยึดติดกับหลักการทางศาสนานี้ส่งผลให้เรื่องเพศสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ถูกซ่อนเร้นและถูกมองเป็นสิ่งน่ารังเกียจ


ยุคเรเนซองส์: การปลดแอกจากข้อจำกัดทางศาสนา

เมื่อเข้าสู่ยุคเรเนซองส์ (Renaissance) ในศตวรรษที่ 14-17 แนวคิดของมนุษย์ที่เริ่มมีการปลดแอกจากข้อจำกัดทางศาสนา การศึกษาเรื่องเพศที่เคยเป็นข้อห้ามเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น บทกวีและศิลปะที่เกี่ยวข้องกับความรักและเพศในยุคนี้เริ่มมีการนำเสนอการมีเพศสัมพันธ์ที่หลากหลาย รวมถึงการบรรยายถึงออรัลเซ็กซ์

การมีเพศสัมพันธ์ทางปากในบางกรณีถูกนำเสนอในวรรณกรรมและศิลปะว่ามีเสน่ห์และช่วยเสริมความสัมพันธ์ในคู่รัก แต่อย่างไรก็ตาม การพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผยยังคงเป็นเรื่องท้าทายในสังคมและมีการปิดกั้นจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม


ศตวรรษที่ 20: การปลดปล่อยทางเพศและวิทยาศาสตร์

เมื่อถึงศตวรรษที่ 20 การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม การแพทย์ และวิทยาศาสตร์เริ่มเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเพศสัมพันธ์อย่างชัดเจน การวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศโดย Alfred Kinsey นักเพศวิทยาชื่อดังได้เปิดเผยว่าออรัลเซ็กซ์ เป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไปในสังคม และมีผู้ที่ปฏิบัติอย่างแพร่หลายในทุกชนชั้นและทุกวัย การศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าออรัลเซ็กซ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติ และยังช่วยส่งเสริมความสุขและความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีระหว่างคู่รัก

ในยุคนี้ สังคมเริ่มยอมรับมากขึ้นและมองว่าความสุขทางเพศเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรถูกตีกรอบว่าเป็นเรื่องต้องห้าม วิทยาศาสตร์ยังชี้ให้เห็นว่า การมีออรัลเซ็กซ์ ในความสัมพันธ์สามารถช่วยกระชับความใกล้ชิดและเพิ่มความพึงพอใจระหว่างคู่รักได้


ปัจจุบัน: การยอมรับและความเป็นส่วนตัว

ในปัจจุบัน คนในหลายประเทศมีมุมมองที่เป็นกลางและเปิดกว้างต่อออรัลเซ็กซ์ มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทางเพศที่ได้รับการยอมรับในสังคมมากกว่าแต่ก่อน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสื่อสารทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศสามารถเข้าถึงได้ง่าย การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป และมีบทความหรือรายการทีวีที่เปิดเผยเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศในเชิงให้ความรู้

แพทย์และนักจิตวิทยาในปัจจุบันมองว่าออรัลเซ็กซ์ เป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของความสัมพันธ์ทางเพศที่ผู้ใหญ่สามารถเลือกได้ โดยไม่มีการตัดสินว่าถูกหรือผิด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสบายใจและความยินยอมระหว่างคู่รักเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในบางวัฒนธรรมก็ยังคงมีการมองว่าเป็นเรื่องต้องห้ามหรือความอับอาย เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาหรือขนบธรรมเนียมดั้งเดิม ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าแม้ออรัลเซ็กซ์ จะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่ก็ยังมีการยึดถือความเชื่อที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศและวัฒนธรรม

คำแนะนำเกี่ยวกับการมีออรัลเซ็กซ์ อย่างปลอดภัย

แม้ว่าออรัลเซ็กซ์จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสุขและความใกล้ชิดในชีวิตคู่ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ดังนั้น การปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยสามารถช่วยป้องกันโรคและสร้างประสบการณ์ที่ดีได้ ดังนี้:

  1. ใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นป้องกันช่องปาก
    การใช้ถุงยางอนามัย (สำหรับผู้ชาย) หรือแผ่นป้องกันช่องปาก (dental dam) ในระหว่างการมีออรัลเซ็กซ์ สามารถช่วยลดโอกาสติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม ซิฟิลิส และหนองใน โดยเฉพาะหากไม่แน่ใจเรื่องสุขภาพทางเพศของคู่รัก
  2. เข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
    การตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและสุขภาพของตนเองและคู่รัก อีกทั้งยังช่วยในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคหากพบว่ามีความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ
  3. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว
    สุขอนามัยที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือการระคายเคือง การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนและหลังการมีออรัลเซ็กซ์ ควรทำความสะอาดช่องปากและอวัยวะเพศอย่างถูกสุขอนามัย
  4. สื่อสารกันอย่างเปิดเผย
    การพูดคุยเกี่ยวกับความสะอาด สุขภาพ และความสบายใจในการใช้วิธีการป้องกันช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัย การเปิดใจพูดคุยกันยังช่วยลดความอายหรือความลังเล ทำให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นไปอย่างผ่อนคลายและน่าพึงพอใจยิ่งขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีการระคายเคืองหรือแผลเปิด
    หากมีการระคายเคือง แผลเปิด หรือสัญญาณของการติดเชื้อที่อวัยวะเพศหรือช่องปาก ควรหลีกเลี่ยงการมีออรัลเซ็กซ์ จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีอาการเจ็บป่วยแล้ว เนื่องจากแผลเปิดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากขึ้น

บทสรุป: การยอมรับที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง

เรื่องของออรัลเซ็กซ์ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากเรื่องศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรม การถูกมองว่าเป็นบาป ไปจนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพทางเพศที่ดีในปัจจุบัน การยอมรับเรื่องออรัลเซ็กซ์ กลายเป็นเรื่องของความสบายใจและความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล

การทำความเข้าใจและยอมรับในความหลากหลายของความสัมพันธ์ทางเพศช่วยสร้างความสุขและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคู่รักออรัลเซ็กซ์ เป็นเพียงหนึ่งในเส้นทางของความสุขทางเพศที่ผู้คนสามารถเลือกได้ โดยไม่มีถูกหรือผิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยินยอมและความพึงพอใจของแต่ละบุคคล

 

นพ.อรรถวุฒิ ลิมป์แสงรัตน์
แพทย์ด้านสุขภาพเพศ และแพทย์เฉพาะทาง Preventive Medicine
ประจำ Max Wellness Clinic

บทความที่เกี่ยวข้อง

เมื่อพูดถึงการขริบอวัยวะเพศชาย การเลือกวิธีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการขริบแบบ Sleeve, Free Hand หรือ Stapler แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การขริบแบบ Sleeve เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ ขณะที่การขริบแบบ Free Hand อาจเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและไม่ซับซ้อน แต่ต้องการทักษะและความชำนาญของแพทย์สูง ส่วนการขริบแบบ Stapler นั้นโดดเด่นด้วยความรวดเร็วและความแม่นยำ แต่ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง การตัดสินใจเลือกวิธีใดควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงสุขภาพของผู้ป่วย ความต้องการของผู้ป่วย และความชำนาญของแพทย์