KNOWLEDGEขนาดอวัยวะเพศมีความสำคัญแค่ไหน

ขนาดอวัยวะเพศชายมักถูกเชื่อมโยงกับ ความแข็งแกร่ง ความเป็นชาย และสถานะทางสังคม คำถามจริงๆ ของเรื่องนี้ที่ผู้ชายอยากรู้ อาจขยายความได้ว่าขนาดอวัยวะเพศชายมีผลต่อความพึงพอใจของคู่นอนมากน้อยแค่ไหน

ต้องขอบอกว่า ณ ปัจจุบันยังไม่ได้มีข้อสรุปแบบฟันธงแน่นอนในเรื่องนี้ เนื่องจากงานวิจัยเรื่องนี้ยังมีจำนวนไม่มากพอ และที่มีก็มักมีกลุ่มตัวอย่างที่น้อยหรือมีการเก็บข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนเท่าไหร่นัก

แต่เราอาจะลองหาคำตอบคร่าวๆของเรื่องนี้ได้จากงานวิจัยบางชิ้นที่น่าสนใจ ดังนี้

1.Masters & Johnson ทั้ง 2 คนเป็นนักเพศวิทยารุ่นแรกๆ และเป็นผู้บุกเบิกการศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติการตอบสนองทางเพศของมนุษย์ไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1960-1970 พวกเขาให้ความเห็นไว้ว่าขนาดไม่มีผลต่อความสุขทางเพศของฝ่ายหญิง เพราะช่องคลอดของผู้หญิงจะปรับตัวให้กระชับพอดีกับขนาดน้องชายของคู่นอนได้อยู่แล้ว

2.การ Survey เรื่องขนาดอวัยวะเพศชายชายกับความพึงพอใจทางเพศของฝ่ายหญิงในปี ค.ศ. 2001

งานชิ้นนี้ทำการสำรวจผู้หญิงวัยมหาวิทยาลัยช่วงอายุ 18-25 ปี ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 50 คน ผลออกมาพบว่าผู้หญิง 45 ใน 50 คน ลงความเห็นว่าความกว้าง (Width) มีผลต่อความสุขทางเพศ (Sexual Satisfaction) มากกว่าความยาว (Length) ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับข้อสรุปของ Masters & Johnson ที่ว่าขนาดไม่ส่งผลต่อความสุขของฝ่ายหญิง อย่างไรก็ตามผู้วิจัยได้ให้ความเห็นไว้ว่า Masters & Johnson อาจไม่ได้ผิดซะทีเดียว เพราะคำตอบของผู้หญิงที่เป็นกลุ่มตัวอย่างอาจหมายถึงความพึงพอใจทางจิตวิทยา (Psychological preference) มากกว่าความพึงพอใจทางสรีรวิทยาและการตอบสนองทางกายจริงๆ (Physiological preference)

3.งานวิจัยที่ใหม่กว่าในปีหลัง ๆ มักจะบอกว่าขนาดมีความสำคัญต่อความพึงพอใจของฝ่ายหญิงจริง โดยอวัยวะเพศชายที่ใหญ่ มีโอกาสจะทำให้ฝ่ายหญิงเสร็จ (Orgasm) ได้มากกว่า เพราะขนาดที่ใหญ่กว่าย่อมมีโอกาสกระตุ้น G-spot ให้เกิด Vaginal Orgasm ได้มากกว่า

ข้อสรุป

ข้อมูลปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะบอกว่า “ขนาดมีความสำคัญจริงๆ” (Size does matter) โดยเฉพาะการเสร็จแบบ Vaginal Orgasm แต่เนื่องจากผู้หญิงสามารถถึง Orgasm ได้ทั้งจากการกระตุ้นให้เสร็จบริเวณภายนอก (Clitoral Orgasm) และการกระตุ้นที่จุดอื่นๆ อีกทั้งความพึงพอใจของคู่นอนเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด, ความใส่ใจ, การเล้าโลม (Foreplay), และการกระตุ้นจุดที่ไวต่อการกระตุ้นทางเพศต่างๆ  (Erogenous zones) ก็สามารถทำให้คู่นอนมีความสุขทางเพศได้เช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ขนาดอาจจะมีความสำคัญแต่ก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Plaque ต้นตอสำคัญของภาวะนกเขาไม่ขัน

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ED เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้ชาย พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนและวัยสูงอายุ โดยสาเหตุหลักๆ ของ ED เกิดจากความเสื่อมของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชาย ความผิดปกติของฮอร์โมน และโรคประจำตัว การรักษาภาวะ ED หรือนกเขาไม่ขันมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค เช่น การใช้ยา การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ การใช้เวชศาสตร์ฟื้นฟู ไปจนถึงการผ่าตัด ในปัจจุบันเราจะเริ่มได้ยินเรื่องการใช้สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือเซลล์บำบัด (Stem Cell Therapy) มาใช้ในการรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED: Erectile Dysfunction) กันมากขึ้น หลายๆที่มีการทำการตลาดกันอย่างหนัก และมีการอ้างถึงประสิทธิภาพของเซลล์บำบัดว่าคือยาวิเศษที่ไร้ข้อจำกัดในการรักษา สามารถทำให้อวัยวะเพศกลับมาแข็งได้ แต่ในความเป็นจริง สเต็มเซลล์ ก็มีข้อจำกัดเหมือนวิธีการรักษาอื่นๆ ซึ่งมีทั้งผู้ที่รับผลลัพธ์ดีและผู้ที่ไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากนัก ขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกายในแต่ละบุคคล ฉะนั้นการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง