ผู้ชายจำนวนมากที่มีปัญหาแข็งตัวยาก แข็งไม่เต็มที่ หรือ ไม่รู้สึกอยากเหมือนเดิม มักคิดว่าเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น ความเครียด หรือพักผ่อนไม่พอ แต่ในความจริงแล้ว มีตัวการสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มักถูกมองข้ามมากที่สุด นั่นคือ “ความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress)”
งานวิจัยล่าสุดในปี 2024 จากวารสาร Antioxidants (MDPI) ได้สรุปชัดเจนว่า ความเครียดออกซิเดชันเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction: ED) และยังเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้อาการรุนแรงขึ้นในผู้ชายที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง อ้วนลงพุง และสูบบุหรี่
บทความนี้จะอธิบายทุกอย่างแบบง่าย ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ความเครียดออกซิเดชัน คืออะไร ก่อให้เกิดผลเสียอะไรขึ้นกับร่างกาย และจะป้องกัน แก้ไขได้อย่างไร
ร่างกายของเราเต็มไปด้วย อนุมูลอิสระ (Reactive Oxygen Species หรือ ROS) ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การอักเสบ การนอนดึก หรือความเครียด
โดยปกติร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระคอยกำจัดของเสียพวกนี้ แต่ถ้าเรามีการดำเนินชีวิตที่ไม่ดี เช่น กินไม่ดี สูบบุหรี่ เครียดเรื้อรัง นอนน้อย มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ดี เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อนุมูลอิสระจะเพิ่มขึ้นจนเกินขีดจำกัดที่ร่างกายกำจัดได้ สิ่งนี้เรียกว่า ภาวะความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress)
งานวิจัยชี้ว่าเมื่อเกิด Oxidative Stress จะทำให้
ผนังหลอดเลือดเสื่อม เซลล์บุผนังหลอดเลือด (Endothelium) ถูกทำลาย
การสร้างไนตริกออกไซด์ (NO) ลดลง
เลือดไหลเวียนไปอวัยวะเพศได้น้อยลง
เกิดการอักเสบในระดับเซลล์
ทั้งหมดนี้นำไปสู่ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) ได้
จากการศึกษาพบว่า Oxidative Stress ทำลายเซลล์ในอวัยวะเพศด้วย 3 วิธีหลัก
Oxidative Stress ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัวและอักเสบ ทำเลือดไหลเวียนได้น้อยลง
ผลที่เกิดขึ้นคือ แข็งตัวช้า แข็งไม่เต็มที่ แข็งไม่นาน ต้องใช้สิ่งกระตุ้นเยอะกว่าเดิม
งานวิจัยชี้ว่า หลอดเลือดเสื่อมจาก Oxidative Stress เป็นสาเหตุของ ED มากกว่า 60%
Oxidative Stress ทำลายเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณไปยังอวัยวะเพศ ทำให้ไม่ค่อยรู้สึก ตื่นตัวช้าลง
ผู้ชายจึงอาจรู้สึกว่า อารมณ์มา แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง
เมื่อ NO ลดลง การขยายตัวของหลอดเลือดก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งในงานวิจัยยืนยันว่า ROS ไปจับและทำลาย NO โดยตรง
สรุปปัจจัยที่ทำให้เกิด Oxidative Stress ดังนี้
ระดับน้ำตาลสูงทำให้เกิดของเสียและการอักเสบในหลอดเลือด
ผนังหลอดเลือดแข็งตัว สูญเสียความยืดหยุ่น และมีการอักเสบ
นิโคตินและสารพิษกว่า 4,000 ชนิดเพิ่ม ROS โดยตรง
ไขมันในช่องท้องสร้างสารที่กระตุ้นการอักเสบมากขึ้น
ไขมันเลว (LDL) เมื่อถูกออกซิไดซ์จะกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลอดเลือดตีบ
ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง ทำให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระมากขึ้น
เช่น PM2.5 โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง
ทั้งหมดนี้เป็นตัวเร่งให้เกิด ED อย่างเงียบ ๆ ดังนั้นในการรักษาเรื่องสมรรถภาพ การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต (Lifestyle Modification) จึงสำคัญอย่างมากต่อผลในการรักษา
ลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เปลี่ยนไปรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพิ่มใยอาหาร รับประทานโปรตีนให้เพียงพอ ลดไขมันอิ่มตัว เพิ่มไขมันไม่อิ่มตัว เพิ่มผักผลไม้หลากสี หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้สารเคมีปรุงแต่งจำนวนมาก เป็นต้น
แนะนำนอนหลับ 7–8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่นอนดึกจนเกินไป เพื่อช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล
ทั้งรูปแบบ HIIT และเวท เทรนนิ่ง
เพียงลด 5–10% สามารถเพิ่มระดับ NO ได้อย่างมีนัยสำคัญ
การหยุดสูบบุหรี่เพียง 2 สัปดาห์ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ช่วยเพิ่มการสร้าง NO ตามธรรมชาติ
ช่วยลด Oxidative Stress
เกี่ยวข้องกับการสร้างฮอร์โมนเพศและลดการอักเสบ
สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงที่งานวิจัยสนับสนุน
สัมพันธ์กับสมรรถภาพทางเพศและระดับฮอร์โมนในผู้ชาย
เมื่อเราทราบแล้วว่าความไม่สมดุลระหว่าง อนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นตัวการที่ทำให้เกิด ความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ก็ควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสที่ร่างกายจะผลิตอนุมูลอิสระออกมาในปริมาณมาก เพื่อช่วยหลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งแรง และการแข็งตัวยังคงดีต่อไปในระยะยาว ส่วนผู้ที่เกิดปัญหาการแข็งตัวขึ้นแล้ว แนะนำว่าให้เข้ารับคำปรึกษาเพื่อค้นหาสาเหตุและแนวทางในการดูแลรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ