ในฐานะแพทย์คลินิกสุขภาพเพศชาย ผมเจอผู้ชายจำนวนมากเดินเข้ามาด้วยความกังวลว่า
“หมอครับ ผมช่วยตัวเองแล้วไม่ค่อยแข็ง / หลั่งเร็วมาก ผมเป็น ED หรือหลั่งเร็วใช่ไหมครับ”
แต่เมื่อซักประวัติ กลับพบว่า…
ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่มาก่อนเลย
หรือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์มาแล้วมากกว่า 6 เดือน
แม้พวกเขาจะกังวลมาก แต่ข้อเท็จจริงคือ การช่วยตัวเอง ไม่ได้เท่ากับการมีเพศสัมพันธ์จริง และ ไม่ได้สามารถใช้ตัดสินว่าเป็นนกเขาไม่ขันหรือหลั่งเร็วได้ 100%
งานวิจัยล่าสุดปี 2025 ยืนยันชัดเจนว่า ผู้ชายจำนวนมากพยายามวินิจฉัยตัวเองผิดจากการช่วยตัวเองเพียงอย่างเดียว
งานวิจัยหัวข้อ “The basis for self-reported sexual dysfunction and the development of masturbation-based diagnostic tools” ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sexual Medicine ปี 2025
สิ่งที่ทีมวิจัยพบ:
✅ 91.8% ของผู้ชายที่คิดว่าตนเองหลั่งเร็ว
✅ 84.9% ของผู้ชายที่คิดว่าตนเองนกเขาไม่ขัน
ล้วนประเมินจาก “การช่วยตัวเอง” ไม่ใช่เพศสัมพันธ์จริง
อีกผลลัพธ์ที่น่าสนใจ:
การไม่มีเพศสัมพันธ์มากกว่า 6 เดือน ไม่ได้เพิ่มโอกาสเป็น ED หรือหลั่งเร็ว แต่เพิ่มโอกาส “กังวลว่าตัวเองเป็น”
หมายความว่า ปัญหาจริงอาจไม่ใช่สมรรถภาพทางเพศ แต่อาจเป็น “ความกังวล” และ “การตีความผิด”
เพราะ บริบทของร่างกายและสมองต่างกัน ระหว่าง “เซ็กส์จริง” กับ “ช่วยตัวเอง”
| การช่วยตัวเอง | มีเซ็กส์จริง |
|---|---|
| ไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นความตื่นเต้นจากคู่ | มีปฏิสัมพันธ์ ความตื่นเต้น การสัมผัส |
| มักไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน | มีจังหวะ ความรู้สึกเชื่อมโยงกับคู่ของตน |
| บางครั้งอยู่ในท่าฝืนธรรมชาติ เช่น นั่งงอหลัง | ท่าทางถูกต้อง เลือดไหลเวียนดี |
| กระตุ้นซ้ำมากจนอาจเกิด dopamine overload | ระบบประสาทตอบสนองเป็นธรรมชาติ |
และปัญหาที่พบมากที่สุดในคนที่ดูหนังผู้ใหญ่เป็นประจำ คือ สมอง “ชินกับสิ่งเร้าที่แรง” มากกว่าเร้าโดยการสัมผัสจริง
สมองต้องการ ภาพที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อกระตุ้นระดับ dopamine ให้เท่าเดิม จึงทำให้แข็งยากขึ้นกว่าเดิม
🟢 ช่วยตัวเองแล้วไม่แข็ง = ยังไม่ใช่ ED เสมอไป
🟢 หลั่งเร็วตอนช่วยตัวเอง = อาจยังไม่ใช่หลั่งเร็วเวลามีกิจกรรมจริง
แต่ถ้าหากคุณไม่มั่นใจว่าตนเองมีปัญหาจริงหรือไม่ สามารถเข้ารับการ ตรวจสุขภาพสมรรถภาพทางเพศ โดยทีมแพทย์ด้านสุขภาพเพศ ที่ Max Wellness Clinic ได้เลยครับ