การรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ นกเขาไม่ขัน
น้องชายไม่สู้

สารบัญ

          ในโลกที่ความแข็งแรงของร่างกายเปรียบเสมือนตัวแทนความมั่นใจของผู้ชาย อาการ “นกเขาไม่ขัน” หรือ Erectile Dysfunction (ED) เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้ชายจำนวนมาก โดยเฉพาะในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ สถิติแสดงให้เห็นผู้ชายทั่วโลกมากกว่า 150 ล้านคนว่ามีปัญหาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และตัวเลขนี้อาจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงถึง 322 ล้านคนภายในในปี 2025 [1]. หลาย ๆ คนอาจลองพยายามรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ มาสาระพัด รวมถึงการใช้ Shockwave Therapy หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “ช็อคเวฟน้องชาย” อย่างไรก็ตามคนไข้หลายคนพบว่าแม้จะลองรักษาด้วยช็อคเวฟมาหลายที่จนถอดใจ แต่ก็ยังไม่ได้ผล จนพาลคิดไปว่า Shockwave ไม่ได้ผลจริง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้มีคำตอบ และคำแนะนำ พร้อมแนะนำ 5 วิธีการรักษาน้องชายไม่สู้แบบครบวงจรและได้ผลจริง! 

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED)

          อาการ ED หมายถึง การที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้ หรือไม่สามารถรักษาระดับการแข็งตัวให้เพียงพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์อย่างมีคุณภาพได้ ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ชายทุกช่วงวัย แต่โอกาสและอัตราการเกิดจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ข้อมูลจากการสำรวจโดยใช้แบบสอบถามเรื่องพฤติกรรมทางเพศในประเทศสสหรัฐอเมริกา แถบเมือง  Boston รัฐ Massachusetts พบว่าผู้ชายในช่วงอายุ 40-70 ปี มีปัญหาเรื่องการแข็งตัว ไม่ว่าจะระดับเล็กน้อย ปานกลาง จนถึงไม่สามารถแข็งตัวได้เลยกว่า 52% แต่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเพศชายอายุ 40 ปี และ 70 ปี พบว่า ผู้ที่มีอายุ 70 ปี มีปัญหาในระดับไม่สามารถแข็งตัวได้โดยสิ้นเชิง มากกว่าผู้ที่มีอายุ 40 ปี ถึง 3 เท่าตัว [2]

สาเหตุของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED)

      ปัญหาเรื่องการแข็งตัวมีสาเหตุหลากหลาย ไม่ใช่ทุกอย่างสามารถรักษาได้ด้วย Shockwave เพียงอย่างเดียว ถ้าไม่เข้าใจสาเหตุของอาการ การรักษาก็จะไม่ได้ผล ดังนั้นจึงอยากจะให้ทำความเข้าใจเรื่องสาเหตุของ ED กันก่อน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่

1.สาเหตุทางกายภาพ (Physical Causes) 
  • โรคหลอดเลือด (Vascular Disease): หนึ่งในสาเหตุหลักของ ED คือการที่หลอดเลือดอุดตันหรือตีบแคบ ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศลดลง จากข้อมูลพบว่ากว่า 50%  ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่ยืนยันการวินิจฉัยโดยการสวนหลอดเลือดหัวใจ (cardiac catheterization) มีปัญหาเรื่องการแข็งตัว [3] สิ่งที่น่าสนใจคือหลอดเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary arteries) และหลอดเลือดที่เลี้ยงอวัยวะเพศชาย (Penile cavernosal arteries) มีขนาดใกล้เคียงกันและมีแนวโน้มจะเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งได้คล้าย ๆ กัน แต่เนื่องจากหลอดเลือดที่เลี่ยงอวัยวะเพศชายมีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า ผู้ป่วยจึงมักมีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศนำมาก่อนการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดสมองนานถึง 5 ปี จึงมีคำแนะนำออกมาว่าหากผู้ชายอายุน้อยมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวที่หาสาเหตุอื่นไม่ได้ ควรตรวจหาโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยเสมอ  

 

“สถิติบอกเราว่ากว่า 35% ของผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) มีปัญหา ED และกว่า 42% ของผู้มีภาวะหย่อนสทมรรถภาพทางเพศเป็นโรคไขมันในเลือดสูง”

 

  • โรคเบาหวาน (Diabetes): เบาหวานเป็นอีกโรคหนึ่งที่เป็นสาเหตุของภาวะนกเขาไม่ขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบาหวานประเภท 2 เนื่องจากระดับน้ำตาลที่สูงในเลือดเป็นระยะเวลายาวนานจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทและหลอดเลือด ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมักมีปัญหาเรื่องการปลุกน้องชายให้ตื่นกับการคงการแข็งตัวไว้ให้ตลอดรอดฝั่ง และจากการเก็บข้อมูลในระหว่างปี ค.ศ. 2001-2004 ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวจะมีโอกาสตรวจเจอโรคเบาหวานมากกว่าผู้ชายที่ไม่มีปัญหากว่า 2 เท่าตัว [4]
  • ปัญหาฮอร์โมน (Hormonal Imbalances): หลายคนอาจเคยได้ยินว่าภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) มีความสัมพันธ์กับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ  จริงอยู่ที่ว่า ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) มีบทบาทเรื่องความต้องการทางเพศ และการสร้าง Nitric Oxide (สารที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว จนมีเลือดไหลเข้ามาคั่งในองคชาตและเกิดเป็นการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายขึ้น) แต่ในความเป็นจริงแล้วมีภาวะผิดปกติของฮอร์โมนตัวอื่น ๆ อีกหลายตัวที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Hormone) ฮอร์โมนต่อมหมวกไต (Adrenal Hormone) และฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง เช่น  โปรแลคติน (Prolactin) เป็นต้น 

“ดังน้นการแก้ปัญหาเรื่องนกเขาไม่ขันโดยมุ่งไปที่การตรวจและฉีดฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการตรวจฮอร์โมนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม จึงอาจไม่ตรงจุดและไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง” 

  • โรคทางระบบประสาท (Neurological Disorders): เช่น โรคพาร์กินสัน และ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการแข็งตัวได้ เนื่องจาก Multiple Sclerosis อาจทำให้ระบบประสาทที่ใช้ควบคุมการกระตุ้นให้แข็งเกิดความเสียหาย จนทำให้การสื่อสารระหว่างอวัยวะเพศกับระบบประสาทส่วนอื่น ๆ และสมองล่าช้าหรือมีปัญหา
  • ผลข้างเคียงจากยา (Medication Side Effects): ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาต้านซึมเศร้า ยาเคมีบำบัด และ ยารักษาต่อมลูกหมาก ยารักษาศีรษะล้าน บางชนิดทำให้เกิดปัญหาเรื่องการแข็งตัวได้ ยาบางชนิดก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงมากกว่ายาตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ตัวอย่าง เช่น Thiazides ถือเป็นยาที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการแข็งตัวมากที่สุดในกลุ่มยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง รองลงมาจะเป็นยาความดันกลุ่ม beta-blocker ในขณะที่ยากลุ่ม alpha-blocker จะมีโอกาสพบปัญหาเรื่องการแข็งตัวน้อยที่สุด [5] อีกตัวอย่างคือ ยารักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hyperplasia) และ ยารักษาศีรษะล้าน (Male androgenetic alopecia) เช่น Finasteride มีกลไกการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase (5α-RIs) ซึ่งทำหน้าที่แปลงฮอร์โมนเพศชายจากรูป Testosterone ไปสู่รูป DHT (Dihydrotestosterone) สำหรับคำถามที่ว่าถ้าทาน Finasteride เพื่อป้องกันศีรษะล้านหรือชะลอผมร่วงจะมีโอกาสเกิดปัญหานกเขาไม่ขันมากน้อยแค่ไหน คงต้องบอกว่าเรื่องนี้ยังมีความขัดแย้งของข้อมูลอยู่ ช่วงตัวเลขค่อนข้างกว้าง ยกตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Dermatology ปี ค.ศ. 2002 ซึ่งติดตามผลลัพทธ์ของการใช้ยา Finasteride ขนาด 1 mg ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปีพบผลข้างเคียงเรื่อง Sex เช่น ความต้องการทางเพศลดลง (Decreased libido) ปัญหาเรื่องการแข็งตัว และการหลั่ง น้อยกว่า 2% ของเพศชายที่รับประทานยา [6] ในขณะที่งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในอีกวารสารหนึ่งในปี 2018 พบว่าอัตราการเกิดผลข้างเคียงเรื่องนกเขาไม่ขันอยู่ที่  2-9% ในช่วงอายุ 40-49 ปี [7] อย่างไรก็ตามงานวิจัยฉบับนี้ยังบอกเราด้วยว่า พบหลักฐานความสัมพันธ์ของการรับประทาน Finasteride กับ ED ในกรณีรับประทานเพื่อรักษาต่อมลูกหมาก แต่ไม่พบในการรับประทานเพื่อป้องกันศีรษะล้าน จึงเป็นไปได้ว่าขนาดยาที่รับประทาน และอายุของผู้รับประทานมีผล เพราะการรับประทานเพื่อรักษาต่อมลูกหมากอาจใช้ขนาดยาสูงกว่า และกลุ่มอายุของผู้รับประทานก็มากกว่า จึงไม่แปลกที่จะพบอัตราการเกิดภาวะนกเขาไม่ขันมากกว่าคนที่รับประทานเพื่อป้องกันผมร่วง ศีรษะล้าน

“ข้อแนะนำคือ อย่าเพิ่งฟันธงว่าอาการไม่แข็งตัวหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อารมณ์ทางเพศลดลง หรือปัญหาเรื่องการหลั่ง เป็นผลมาจากยาโรคประจำตัว และไม่ควรหยุดยาเองเด็ดขาด การพิจารณาว่าสาเหตุมาจากยาจริงหรือไม่ ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและความเชี่ยวชาญ  ให้ลองพูดคุยปรึกษากับแพทย์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนตัวยาหรือกลุ่มยาให้เหมาะสม จะปลอดภัยที่สุด”

คลิกดู ข้อมูลเกี่ยวกับยาจิตเวช/ยาต้านซึมเศร้า และผลข้างเคียงทางเพศ

คลิก อ่าน/ดูข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกอื่นในการรักษาผมร่วง/ศีรษะล้าน โดยไม่ใช้ยา

  • ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดต่อมลูกหมาก: ต่อมลูกหมาก (Prostate) เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย มีขนาดประมาณถั่ววอลนัต ตัวต่อมหุ้มอยู่รอบท่อทางเดินปัสสาวะ (Urethra) ใต้ต่อกระเพาะปัสสาวะ (Bladder) มีหน้าที่สำคัญ คือ 1.ผลิตของเหลวที่เป็นองค์ประกอบของน้ำอสุจิ ซึ่งประกอบไปด้วย เอนไซม์ (Enzymes), โปรตีน (Proteins), และ แร่ธาตุต่างๆ (Minerals) ที่ช่วยให้ตัวอสุจิ (Sperms)อยู่รอด 2.ช่วยบีบรัดให้น้ำอสุจิพุ่งออกไปจากอวัยวะเพศชายและป้องกันไม่เกิดการหลั่งย้อนกลับ (Retrograde Ejaculation) 3.มีส่วนช่วยเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ให้เป็นรูป DHT (dihydrotestosterone) ซึ่งมีความแรงในการออกฤทธิ์มากกว่า Testosterone หลายเท่าปัญหาคือเส้นประสาทที่ทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว (Cavernous nerves) นั้น อยู่ชิดติดกันกับต่อมลูกหมาก ทำให้เวลาศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะทำการผ่าตัดมีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายหรือบาดเจ็บต่อเส้นประสาทส่วนนี้ จากข้อมูลพบว่าการผ่าตัดต่อมลูกหมากบางแบบ เช่น Radical Prostatectomy ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดปัญหาเรื่องการแข็งตัวถึง 85% หลังการผ่าตัด [8] และถึงแม้ในปัจจุบันจะมีเทคนิคการผ่าตัดที่หลากหลายและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทที่เลี้ยงอวัยวะเพศชาย (Cavernous nerves) โดยตรง แต่เส้นประสาทดังกล่าวก็ยังอาจเกิดการบาดเจ็บทางอ้อม จากการอักเสบ การขาดเลือด การกดทับเส้นประสาท ได้อยู่ดี ปัจจุบันจึงมีแนวทางให้ทำการบำบัดฟื้นฟูอวัยวะเพศชายหลังทำการผ่าตัดต่อมลูกหมาก (Penile Rehabilitation) เพื่อลดโอกาสเกิดความเสื่อมถาวรและเพิ่มโอกาสให้อวัยวะเพศชายกลับมาทำงานได้ปกติมากขึ้น ซึ่งต่องใช้วิธีการที่หลายหลาหลายร่วมกัน เช่น การให้ยารับประทานกลุ่ม PDE5i การใช้ยาฉีด การใช้กระบอกสุญญากาศ การทำ Shockwave เป็นต้น 

          คลิกดู ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การผ่าตัดต่อมลูกหมากและภาวะ ED  

  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ภาวะต่อมลูกหมากอักเสบ ภาวะปวดท้องน้อยเรื้อรังในผู้ชาย (chronic prostatitis/chronic pelvic pain syndrome): หลายคนอาจไม่ทราบว่าการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในบางกรณี รวมถึงการอักเสบของต่อมลูกหมาก สามารถทำให้เกิดปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ ทั้งในเรื่องการแข็งตัว หรือการหลั่งเร็ว (Premature Ejaculation) ได้

           คลิกอ่าน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังต่อสมรรถภาพทางเพศ 

2. สาเหตุทางจิตใจ (Psychological Causes)

  • ความเครียดและความวิตกกังวล (Stress and Anxiety): ความเครียดจากการทำงานหรือความกดดันในชีวิตส่วนตัว มีผลต่อสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายโดยตรง เมื่อร่างกายเผชิญความเครียดหรือการกดดัน จะมีการผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่า Cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไต (Adrenal Glands)  ออกมา ฮอร์โมน Cortisol มีผลต่อความดันโลหิต และระบบต่าง ๆ หลากระบบ เช่น หลอดเลือดหัวใจ การไหลเวียนของเลือด รวมทั้งระบบสืบพันธ์ด้วย   ข้อมูลจาก American Psychological Association พบว่า ภาวะเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress) ส่งผลต่อระดับการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง (Decrease Libido) มีปัญหารเรื่องการแข็งตัว และยังส่งผลต่อคุณภาพของตัวอสุจิ (Sperm) ทั้งในแง่ของความเคลื่อนไหว (Sperm Motility) รูปร่างของตัวอสุจิอีกด้วย [9]
  • ภาวะซึมเศร้า (Depression): ภาวะซึมเศร้ามีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับเรื่องเพศ ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าจะมีความผิดปกติของระดับสารสื่อประสาทต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อความคิด และแรงขับทางเพศ จากการทบทวนข้อมูลงานวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ของภาวะซึมเศร้าและอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย (Erectile Dysfunction) กว่า 49 ชิ้น พบว่าผู้ป่วยซึมเศร้ามีโอกาสเกิดปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศมากกว่าคนทั่วไปถีง 39% ในทางกลับกันผู้ที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็มีโอกาสเป็นซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไปถึง 192% [10] ดังนั้นจึงมีคำแนะนำว่าในผู้ที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ นอกจากสาเหตุทางร่างกายแล้ว ควรคัดกรองภาวะซึมเศร้าด้วย นอกจากสาเหตุจากตัวโรคเอง ยาต้านซึมเศร้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการทางเพศ เช่น ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม SSRIs (Selective serotonin reuptake inhibitors) มีกลไกการทำงานที่เพิ่มปริมาณสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า Serotonin ซึ่งช่วยเรื่องปรับสมดุลอารมณ์ ในขณะเดียวกันก็อาจมีผลรบกวนการสื่อสารตามปกติระหว่างสมองกับอวัยวะเพศทำให้การแข็งตัวหรือการหลั่งมีปัญหา ยาต้านซึมเศร้าตัวอื่น ๆ ที่ออกฤทธิ์กับสารสื่อประสาทตัวอื่น เช่น Dopamine หรือ Norepinephrine  อาจมีผลข้างเคียงด้านนี้น้อยกว่าตัวอย่างรายชื่อยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants) ที่ส่งผลลบต่อความต้องการทางเพศ การกระตุ้นเร้า (Arousal) และการถึงจุดสุดยอด เช่น 
  • Citalopram
  • Escitalopram
  • Fluoxetine
  • Paroxetine
  • Sertraline
  • Venlafaxine

ตัวอย่างรายชื่อยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants) ที่มีผลข้างเคียงทางเพศค่อนข้างน้อย

  • Bupropion
  • Mirtazapine
  • Nefazodone
  • Vilazodone

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าที่มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) คือ ไม่ควรหยุดยาต้านซึมเศร้าหรือเปลี่ยนตัวยาด้วยตนเอง การหยุดยาหรือเปลี่ยนยาเองเป็นสิ่งอันตราย ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือแพทย์ที่ดูแลก่อนเสมอ ปัญหาทางเพศเป็นเรื่องซับซ้อนและมีหลายปัจจัยเกียวข้องกัน ในคนหนึ่งคนปัญหามักเกิดจากทั้งสาเหตุทางร่างกาย (Organic ED) และ จิตใจ (Psychological ED) การรักษาจึงอาจต้องใช้หลายวิธีผสมผสานกันจึงจะได้ผล

“มีข้อมูลว่าเพศชาย 9-25% และเพศหญิง 6-16%      มีอาการ  Sexual performance anxiety [11]”

วิธีการสังเกตอาการเบื้องต้น จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็น Sexual performance anxiety

Sexual performance anxiety เป็นภาวัวิตกกังวลอย่างหนึ่งที่จำเพาะกับกิจกรรมทางเพศ ผู้ที่มีภาวะนี้จะรู้สึกเหมือนถูกความกลัวถาโถมจนไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทั้งก่อนเริ่มหรือขณะมีไปแล้ว วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นที่อาจเข้าข่าย คือ

  • ความสนใจหรือแรงจูงใจในการมีกิจกรรมทางเพศลดลงหรือหายไป
  • มีภาวะหลั่งเร็ว
  • ไม่สามารถกระตุ้นอวัยวะเพศชายให้แข็งตัว หรือคงการแข็งตัวไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง
  • ไม่ถึงหรือถึงจุดสุดยอดยาก (Orgasm)

แนวทางการรักษาผู้ที่มีภาวะ Sexual performance anxiety

การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ โดยทั่วไปอาจใช้การบำบัดร่วมกับการใช้ยาเพื่อรักษา โดยมีวิธีการดังนี้

  • การทำจิตบำบัด (Psychotherapy):  เช่น การทำ CBT (Cognitive-behavioral therapy)
  • การใช้ยา (Medication): ยากลุ่มที่ใช้รักษา erectile dysfunction อยู่แล้ว เช่น กลุ่ม PDE5I เช่น Tadalafil สามารถนำมาใช้รักษา Sexual performance anxiety ได้เช่นกัน เพียงแต่จะต้องมีวิธีการให้ที่เฉพาะ เช่น การเลือกให้ตัวยาแบบขนาดต่ำ ๆ กินทุกวัน เป็นต้น

4 ปัญหาความสัมพันธ์ที่มักทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile dysfunction)

1.ปัญหาเรื่องการสื่อสาร (Communication  Breakdown)

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและคุณภาพดี หากคู่รัก/คู่นอน ไม่สามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ถึงอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการของตนได้ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความรู้สึกเชิงลบต่อกันที่จะสะสมพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นความตึงเครียดทางอารมณ์ (Emotional stress) และส่งผลให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile dysfunction) ขึ้น บ่อยครั้งที่ปัญหาเรื่องการสื่อสารเกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากปมความขัดแย้งบางอย่างที่ไม่ได้รับการแก้ไขหรือถูกมองข้าม จนคู่รัก/คู่นอนสื่อสารกันน้อยลง ๆ  ซึ่งจะทำให้เกิดความตึงเครียดและสถานการณ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน (Hostile Environment) จนยากที่จะผ่อนคลายและมีความสุขไปกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคู่รัก/คู่นอนได้

ปัญหาเรื่องการสื่อสารอีกประเด็นที่เป็นสาเหตุของเรื่องบนเตียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมตะวันออก หรือคู่ที่มีความอนุรักษ์นิยมสูง คือ การไม่สามารถพูดคุยถึงความปรารถนาและความต้องการทางเพศของตนให้อีกฝ่ายฟังได้ ซึ่งจะนำมาสู่ความรู้สึกไม่พึงพอใจ ไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการ และความหงุดหงิดใจได้ การเลี่ยงการพูดคุยเรื่อง sex อาจทำให้ฝ่ายหนึ่งรู้สึกแปลกแยกและขาดการเชื่อมต่อกับคู่ของตน จนทำให้ยากที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศที่แข็งแรงและมีคุณภาพต่อกันได้

2. ปัญหาขาดความไว้วางใจและการนอกใจ (Trust and Infidelity)

ความไว้วางใจ (Trust) เป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ความรู้สึกไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างคู่รัก การนอกใจ หรือสงสัยว่ามีการนอกใจ สามารถทำให้เกิดปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวอย่างรุนแรงได้ 

ผู้ชายหลายคนเมื่อสงสัยหรือรู้ว่าคู่ของตนนอกใจ จะมีความรู้สึกเจ็บปวดและเครียดอย่างมาก ความรู้สึกถูกทรยศหักหลังจะนำไปสู่ ความโกรธ ความเศร้า และความรู้สึกไม่มั่นคง ซึ่งล้วนทำให้การแข็งตัวมีปัญหาได้ 

แม้กระทั่งความรู้สึกหึงหวง ไม่มั่นใจในตัวเอง และความสัมพันธ์กับคู่ของตน ต้องคอยกังวลตลอดเวลาว่าจะมีคนมาแย่งคู่ของตนไป จนเกิดเป็นภาวะเครียดและวิตกกังวลเรื้อรัง (Chronic stress and anxiety)  ก็ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศได้

3. การขาดความใกล้ชิด (Lack of Intimacy)

ความผูกพันธ์ใกล้ชิดทางใจ (Emotional Intimacy) คือ การรู้สึกเชื่อมโยงกัน ใกล้ชิด ต้องการให้อีกฝ่ายมีความสุข ห่วงใยกัน แบ่งปันและเข้าอกเข้าใจ พูดคุยกันได้ มองเห็นคุณค่าของกันและกัน ไว้วางใจกันอย่างสนิทใจ

หลายคู่เมื่อคบกันไป แล้วพูดคุยกันน้อยลง มีเวลาให้กันน้อยลง ไม่ค่อยได้รับรู้ความเป็นไปของชีวิตของอีกฝ่าย ขาดการสัมผัส กอด หอม แสดงความรักเล็ก ๆ น้อย ๆ ย่อมนำไปสู่การขาดความใกล้ชิดทางใจ และเมื่อความผูกพันธ์ใกล้ชิดทางใจ (Emotional Intimacy) มีปัญหา ย่อมนำไปสู่ปัญหาความใกล้ชิดทางกายได้ (Physical Intimacy) ที่รวมถึงปัญหาเรื่องความต้องการทางเพศต่อกัน (Sexual desire) และสมรรถภาพทางเพศได้ (Erectile Dysfunction)

Intimacy หมายถึง ความรู้สึก ใกล้ชิด เชื่อมโยงผูกพัน และห่วงใยในสวัสดิภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง ต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความสุข มีความเข้าใจกัน แบ่งปันซึ่งกันและกัน พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ให้การประคับประคองทางอารมณ์แก่กัน เห็นแก่คุณค่าของกันและไว้วางใจซึ่งกันและกัน 

Intimacy เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตสมรส เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่อดทนและฝ่าฟันอุปสรรคไปได้

4.ความรู้สึกนับถือตัวเองต่ำ (Low self-esteem) 

ความรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับหรือชื่นชมจากคู่ของตน ถูกวิจารณ์ ถูกด้อยค่า หรือกระทั่งถูกปฏิเสธ จนขาดความเชื่อมั่น รู้สึกไม่มีคุณค่าในสายตาของคนที่เราให้ความสำคัญ จนนำไปสู่การขาดความมั่นใจในตนเองและรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า ย่อมส่งผลกระทบต่อความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศ

5  วิธีแก้ปัญหาความสัมพันธ์หรือปัญหาทางใจที่ทำให้น้องชายไม่แข็ง (Erectile dysfunction)

  1. เปิดใจสื่อสาร (Open Communication)

พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาถึงปัญหาต่าง ๆ เรื่องเพศและความสัมพันธ์ โดยยึดหลัก 3 ประการ คือ 

  • ซื่อสัตย์: จริงใจต่อความรู้สึกและความกังวัลของตัวเอง การได้พูดคุยอย่างเปิดเผย ถึงปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ จะทำให้ความรู้สึกละอายและเป็นตราบาปลดลง
  • ฝึกการตั้งใจฟัง  (Active Listening): บางครั้งเรียกว่าการฟังด้วยใจหรือการฟังเชิงรุก พยายามเข้าใจมุมมองและความคิดของอีกฝ่าย การทำแบบนี้จะช่วยฟูมฟักความเห็นอกเห็นใจและลดความเข้าใจผิดต่อกันลงได้
  • มีการนัดหมายติดตาม (Scheduling): จัดหาเวลาพูดคุยกันเรื่องความสัมพันธ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตคู่อย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยให้ค้นพบปัญหาและแก้ไขได้ก่อนเรื่องราวจะลุกลาม

1.จัดการความเครียดร่วมกัน

การจัดการความเครียดร่วมกัน เผชิญปัญหาและหาหนทางแก้ไขไปพร้อมๆ กัน สามารถทำให้ความสัมพันธ์โดยรวมดีขึ้นได้ เช่น

  • ทำกิจกรรมคลายเครียดด้วยกัน เช่น ออกกำลังกายพร้อมกัน เล่นโยคะ หรือ นั่งสมาธิ
  • ใช้ชีวิตแบบสุขภาพดี กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดความเครียด และทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้นได้

2. สร้างความผูกพันธ์ทางใจขึ้นใหม่ (Emotional Intimacy) ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน ทำกิจกรรมที่ทั้งคู่ชื่นชอบและมีความสุข เพิ่มการสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงความห่วงใยใกล้ชิด โดยไม่เกี่ยวกับเพศ (non-sexual touches) เช่น การกอด การจับมือ การลูบผม หรือ หอมแก้ม 

3. รำลึกถึงช่วงเวลาแรก ๆ ที่พบหรือตกหลุมรักกัน พยายามกลับไปเรียนรู้ความชอบ ไม่ชอบ และความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่าย เหมือนช่วงที่พึ่งรู้จักกัน เราอาจค้นพบตัวตนของอีกฝ่ายที่เรารักและใกล้ชิด อต่หลงืมไปแล้วก็ได้

4. กล้าที่จะทดลองและมีความคิดสร้างสรรค์ในเรื่อง Sex

หลายคู่ที่คบกันนาน ๆ อาจรู้สึกซ้ำซากจำเจ ไม่รู้สึกถึงแรงกระตุ้นหรือหวือหวาในเรื่องเพศอีกต่อไป ขั้นแรกต้องเชื่อก่อนว่าคู่ของคุณยังสามารถมอบความสุขทางเพศให้กันและกันได้อยู่ เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายต้องกล้าที่จะเล่นนอกกรอบ และทำสิ่งที่ยังไม่ค่อยได้ทำ  เช่น การช่วยตัวเองร่วมกัน (Mutual masturbation) การใช้ sex toy ผลัดกันกระตุ้นอีกฝ่าย การใช้มือหรือปากช่วย และจำไว้ว่า sex ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง คุณสามารถเปลี่ยนสถานที่และสร้างสถานการณ์ให้ตื่นเต้นแปลกใหม่ได้เสมอ

5. ให้มืออาชีพช่วย 

หลายครั้งปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ก็ยากเกินกว่าจะแก้ไขกันตามลำพัง หากรู้สึกว่าปัญหาหนักหน่วงเกินจะรับไหว และไม่น่าจะแก้ไขได้เอง หรือลองพยายามแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรพบนักบำบัดหรือแพทย์ด้านสุขภาพเพศ 

*จำไว้เสมอว่าปัญหาเรื่องการแข็งตัวและสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) มักเกิดจากสาเหตุทั้งทางฝั่งร่างกาย (Physical ED) และจิตใจ (Psychological ED) ร่วมกัน จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุทางร่างกายที่อาจซ่อนอยู่ด้วยเสมอ

คลิกอ่าน 5 วิธีแยกเบื้องต้นว่าภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) เกิดจากสาเหตุทางร่างกาย (Physical/Organic ED) หรือจากสาเหตุทางจิตใจ (Psychological ED) 

คลิกดู รายละเอียดบริการรักษาต่าง ๆ ของ Max Wellness Clinic

นพ.ธนาคม สุขเจริญ

นพ. อรรถวุฒิ ลิมป์แสงรัตน์

ทีมแพทย์ด้านสุขภาพเพศ

และแพทย์เฉพาะทาง Preventive Medicine

ประจำศูนย์สุขภาพเพศชาย Max Wellness Clinic

  • แหล่งอ้างอิง
  1. National Institutes of Health (NIH). Erectile dysfunction overview. Available from: https://www.nih.gov
  2. Massachusetts Male Aging Study. Epidemiology of ED. Journal of Urology. 1994;152(2):376-82.
  3. Erectile dysfunction prevalence, time of onset and association with risk factors in 300 consecutive patients with acute chest pain and angiographically documented coronary artery disease. Eur Urol. 2003 Sep;44(3):360-4; discussion 364-5. [PubMed]
  4. Erectile Dysfunction and Undiagnosed Diabetes, Hypertension, and Hypercholesterolemia. Ann Fam Med. 2015 Jul-Aug;13(4):331-5. [PMC free article] [PubMed] [Reference list]
  5. Drugs that may cause erection problems https://medlineplus.gov/ency/article/004024.htm
  1. Long-term (5-year) multinational experience with finasteride 1 mg in the treatment of men with androgenetic alopecia. Eur J Dermatol. 2002;12:38–49. [PubMed] [Google Scholar]
  2. Finasteride and Erectile Dysfunction in Patients with Benign Prostatic Hyperplasia or Male Androgenetic Alopecia. World J Mens Health. 2019 May;37(2):157-165. doi: 10.5534/wjmh.180029. Epub 2018 Aug 10.
  3. Erectile dysfunction after radical prostatectomy: prevalence, medical treatments, and psychosocial interventions. Curr Opin Support Palliat Care. 2016 Mar;10(1):102-7
  1. American Psychological Association. The impact of stress on sexual health. Available from: https://www.apa.org/topics/stress/body
  2. Erectile Dysfunction and Depression: A Systematic Review and Meta-Analysis. J Sex Med. 2018 Aug; Volume 15, Pages 1073-1082
  3. The role of performance anxiety in the development and maintenance of sexual dysfunction in men and women. International Journal of Stress Management, 2005 12(4), 379–388
  4. European Association of Urology Guidelines on Sexual and Reproductive Health-2021 Update: Male Sexual Dysfunction: https://uroweb.org/guidelines/sexual-and-reproductive-health/chapter/management-of-erectile-dysfunction