ต่อมลูกหมากอักเสบ

 ตัวการร้ายที่อาจทำลายสุขภาพทางเพศของคุณโดยไม่รู้ตัว

บทนำ

ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นภาวะที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพทางเพศของผู้ชาย  อาการที่พบได้บ่อยคือ

  1. อาการปวดอุ้งเชิงกราน ท้องน้อย ขาหนีบ อัณฑะ หรือฝีเย็บ
  2. ความผิดปกติทางเพศ เช่น สมรรถภาพทางเพศลดลง การหลั่งผิดปกติ
  3. ความผิดปกติของการปัสสาวะ

ซึ่งอาการทั้งหทดที่กล่าวอาจมีเพียงบางข้อ และอาการอาจไม่รุนแรงแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

สาเหตุของต่อมลูกหมากอักเสบ

ต่อมลูกหมากอักเสบ แบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก

  1. ต่อมลูกหมากอักเสบเฉียบพลัน (Acute bacterial prostatitis): เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาจแพร่กระจายมาจากส่วนอื่น ๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะหรือระบบสืบพันธุ์ที่ นำไปสู่อาการรุนแรงเช่น ไข้สูง หนาวสั่น และปัสสาวะลำบาก
  2. ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังจากแบคทีเรีย (Chronic bacterial prostatitis): มักมีสาเหตุเดียวกับการติดเชื้อแบคทีเรียเฉียบพลัน อาการนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อการรักษาในระยะเฉียบพลันไม่เพียงพอหรือไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้ทั้งหมด แม้จะมีอาการน้อยกว่าเฉียบพลัน แต่มีความยากในการรักษาเนื่องจากเกิดซ้ำบ่อย
  3. ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังที่ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ (Chronic prostatitis/chronic pelvic pain syndrome): พบได้มากที่สุด แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด งานวิจัยชี้ว่าอาจมีปัจจัยหลายประการที่มีบทบาทร่วมกัน เช่น การติดเชื้อที่มีมาก่อนหน้า ความผิดปกติของระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน ความเครียดทางจิตใจ หรือการทำงานของฮอร์โมนที่ไม่ปกติ
  4. ต่อมลูกหมากอักเสบแบบไม่มีอาการ (Asymptomatic inflammatory prostatitis): ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด มักถูกพบโดยบังเอิญในระหว่างการตรวจสำหรับโรค หรือภาวะอื่น โดยผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ

อาการและผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศ

ต่อมลูกหมากอักเสบ มีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพทางเพศ โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยรู้สึกปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน อาการที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

  • ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์: อาจเกิดขึ้นขณะหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งลดความพึงพอใจในชีวิตทางเพศของผู้ป่วย
  • ปัญหาในการหลั่ง: บางรายอาจประสบปัญหาการหลั่งเร็ว หรือไม่สามารถควบคุมการหลั่งได้
  • สมรรถภาพทางเพศลดลง: ผู้ป่วยบางรายอาจประสบปัญหาในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ทำให้ไม่สามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ตามปกติ

การวินิจฉัยต่อมลูกหมากอักเสบ

การวินิจฉัยต่อมลูกหมากอักเสบ เริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจปัสสาวะและการตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก นอกจากนี้ การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์อาจช่วยประเมินการอักเสบในบางกรณี

นอกจากนี้การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็อาจเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัย ในกรณีที่การอักเสบนี้เกิดจากการติดเชื้อ


การรักษาต่อมลูกหมากอักเสบ

  1. ยาปฏิชีวนะ: ใช้รักษาต่อมลูกหมากอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยแพทย์จะสั่งยาในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อกำจัดเชื้อให้หมดไป
  2. ยาต้านการอักเสบ: ช่วยลดอาการปวดและการอักเสบในกรณีที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ
  3. การทำกายภาพบำบัด: มุ่งเน้นการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเพื่อลดอาการปวดเรื้อรัง
  4. ยาคลายกล้ามเนื้อ: แพทย์อาจสั่งยาเพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อในบริเวณอุ้งเชิงกราน
  5. เทคโนโลยีทางเลือก: เช่น การรักษาด้วยเลเซอร์ การใช้คลื่นไฟฟ้า การใช้ช็อคเวฟ (Shockwave Therapy) ก็สามารถช่วยลดอาการอักเสบของต่อมลูกหมาก และคลายกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานได้

ผลกระทบทางจิตใจของผู้ป่วยต่อมลูกหมากอักเสบ

นอกจากผลกระทบทางร่างกายแล้ว ต่อมลูกหมากอักเสบ ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยประสบปัญหาเรื้อรัง:

  • ความเครียดและวิตกกังวล: อาการเรื้อรังทำให้เกิดความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง
  • ภาวะซึมเศร้า: ผู้ป่วยบางรายอาจประสบกับภาวะซึมเศร้า เนื่องจากอาการปวดเรื้อรังและปัญหาทางเพศที่ไม่ได้รับการแก้ไข
  • ความสัมพันธ์ส่วนตัว: ปัญหาทางเพศอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคู่รัก ซึ่งอาจเกิดความตึงเครียดได้

การป้องกันต่อมลูกหมากอักเสบ

  1. การดูแลความสะอาดของระบบทางเดินปัสสาวะ: การปัสสาวะให้หมดหลังการมีเพศสัมพันธ์ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อ
  2. การออกกำลังกาย: การทำ Kegel exercises ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ
  3. การลดปัจจัยเสี่ยง: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และมีการป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง

สรุป

ต่อมลูกหมากอักเสบ และอาการปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรังในผู้ชายเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศและคุณภาพชีวิต การดูแลตนเองและการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของอาการเรื้อรังและปรับปรุงสุขภาพทางเพศได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

นพ.ธนาคม สุขเจริญ
แพทย์ด้านสุขภาพเพศ และแพทย์เฉพาะทาง Preventive Medicine
ประจำ Max Wellness Clinic

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/prostatitis/symptoms-causes/syc-20355766

https://www.niddk.nih.gov/health-information/urologic-diseases/prostatitis

https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/prostatitis

บทความที่เกี่ยวข้อง

เมื่อพูดถึงการขริบอวัยวะเพศชาย การเลือกวิธีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการขริบแบบ Sleeve, Free Hand หรือ Stapler แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การขริบแบบ Sleeve เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ ขณะที่การขริบแบบ Free Hand อาจเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและไม่ซับซ้อน แต่ต้องการทักษะและความชำนาญของแพทย์สูง ส่วนการขริบแบบ Stapler นั้นโดดเด่นด้วยความรวดเร็วและความแม่นยำ แต่ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง การตัดสินใจเลือกวิธีใดควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงสุขภาพของผู้ป่วย ความต้องการของผู้ป่วย และความชำนาญของแพทย์